ปฐมบท โป๊กเกอร์ ปูพื้นฐานมือใหม่ให้เข้าใจก่อนเล่น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ท่องโลกคาสิโนออนไลน์มาพอตัว เชื่อว่าต้องเคยได้ยินคำว่า “โป๊กเกอร์” กันมาบ้าง และคงอยากจะลองเล่นดูสักครั้งว่ามันเจ๋งขนาดไหน เพราะเกมนี้มีการแข่งขันกันระดับโลกที่มีเงินรางวัลหลายล้านดอลล่าร์รอหาเจ้าของอยู่ แต่ด้วยความที่โป๊กเกอร์มีรายละเอียดเยอะมากจึงทำให้เป็นเกมที่ค่อนข้างยากสำหรับผู้เล่นมือใหม่ วันนี้เราจะไปทำความรู้จักและเข้าใจในเรื่องพื้นฐานกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง จะได้ไม่ไปยืนงงเวลาลงสนามจริง
โป๊กเกอร์เล่นยากจริงหรือ
หากเทียบกับเกมพนันรูปแบบอื่นแล้ว โป๊กเกอร์ถือเป็นเกมที่ค่อนข้างยากพอสมควร ไม่ใช่เพียงแค่กฎกติกาที่ต้องเข้าใจเท่านั้น เกมนี้ผู้เล่นจำเป็นต้องมีทักษะอื่น ๆ นอกเหนือจากการเล่นเกมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการคิดคำนวณหาความน่าจะเป็นภายในเวลาที่จำกัด การบริหารเงินทุน ไปจนถึงการใช้จิตวิทยาเพื่อโน้มน้าวหรือข่มขวัญคู่ต่อสู้ ต่างจากเกมอื่น ๆ ที่เข้าใจกติกาและการนับไพ่ก็เล่นได้แล้ว ก็เลยทำให้เป็นที่ถกเถียงกันว่าแท้จริงแล้วโป๊กเกอร์เป็นเกมกีฬาหรือว่าเกมพนัน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม หากเราเข้าไปเล่นโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลยก็อย่าหวังว่าจะมีโอกาสชนะแม้แต่น้อย ดังนั้นการศึกษาเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับโป๊กเกอร์จะช่วยให้เรามีพัฒนาการที่ดี และเข้าใจในบทเรียนโป๊กเกอร์จากแหล่งต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
คำศัพท์โป๊กเกอร์ที่พบบ่อย
สิ่งสำคัญในการเล่นโป๊กเกอร์คือเราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจในศัพท์ต่าง ๆ ซึ่งเกมนี้มีคำศัพท์เฉพาะอยู่เยอะมาก หากไม่รู้หรือไม่เข้าใจก็จะทำให้ศึกษากลยุทธ์ต่าง ๆ ได้ยากขึ้น สื่อสารกันลำบากขึ้น โดยศัพท์ที่พบได้บ่อยก็จะมี
- A-Game : หมายถึงเกมที่เราเล่นได้ดี มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง และอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดในการเล่นโป๊กเกอร์
- Action : เป็นการตัดสินใจว่าจะเล่นเกมในรอบนั้น ๆ ด้วยวิธีไหน อาจจะเป็น Check (ผ่าน), Fold (หมอบ), Raise (เกทับ/เดิมพันเพิ่ม) เป็นต้น
- Aggressive : เป็นการเล่นแบบดุดัน ใช้เรียกผู้เล่นที่ชอบ Bet หรือ Raise เมื่อมีโอกาส
- All-In : วางเดิมพันด้วยชิพที่มีอยู่ทั้งหมด หรือที่เรียกว่า “เทหมดหน้าตัก”
- Bad Beat : ใช้เรียกการแพ้ทั้งที่มีโอกาสชนะเยอะกว่า ส่วนใหญ่จะหมายถึงการแพ้ให้กับดวง หรือดวงไม่ดีนั่นเอง
- Bank Roll : จำนวนเงินทุนสำหรับเล่นโป๊กเกอร์ที่เรามีอยู่ทั้งหมด
- Bet : การวางชิพเดิมพันเข้าไปใน Pot (กองกลาง)
- Big Blind : ผู้เล่นที่อยู่ถัดจากตำแหน่ง Button เป็นคนที่สอง จะถูกบังคับให้วางเดิมพันในราคาเต็มจำนวนของขั้นต่ำที่โต๊ะกำหนดไว้
- Bubble : ช่วงเวลาก่อนที่จะเข้าสู่รอบที่ได้รับเงินรางวัลในการเล่นแบบ Tournament
- Buy-In : จำนวนชิพขั้นต่ำที่ผู้เล่นต้องมีก่อนเข้าไปเล่นในโต๊ะโป๊กเกอร์
- Buy-In Limit : จำนวนชิพสูงสุดที่โต๊ะอนุญาตให้ผู้เล่นสามารถนำเข้าไปเล่นในโต๊ะได้ ส่วนมากจะคิดจาก Blinds
- Call : เป็นการวางเดิมพันเท่ากับคนที่เล่นก่อนหน้า
- Check : เป็นการผ่านรอบนั้นโดยไม่มีการเพิ่มชิพ แต่ก่อนหน้านี้ต้องไม่มีคนเพิ่มชิพด้วยเช่นกัน
- Connector : ไพ่ที่มีแต้มเรียงกัน
- C-Bet : เป็นการเพิ่มชิพเดิมพันต่อเนื่องจากรอบก่อนหน้าที่ได้เพิ่มเดิมพันเข้าไปใน Pot
- Dealer : คนแจกไพ่ ปกติหมายถึงผู้เล่นที่ในตำแหน่ง Button ที่จะได้เล่นเป็นคนสุดท้ายเสมือนเจ้ามือ
- Donkey : ใช้เรียกผู้เล่นมือใหม่หรือผู้เล่นที่เล่นไม่เก่ง
- Downswing : ช่วงที่แพ้ติดต่อกัน
- Dry Board : ใช้เรียกไพ่บนบอร์ดที่ไม่มีความน่าจะเป็นหรือไม่สามารถทำให้ไพ่ในมือแข็งแกร่งขึ้นได้
- Early Position : ตำแหน่งผู้เล่นที่จะได้เล่นก่อนในแต่ละรอบ
- Fish : ใช้เรียกผู้เล่นที่เสียบ่อย ๆ
- Fold : การยอมแพ้ในเกมนั้น
- Flop : รอบการเล่นที่มีการเปิดไพ่กองกลาง 3 ใบแรก
- Gutshot : จังหวะที่ผู้เล่นมีโอกาสจะได้ไพ่เรียง
- Hand : ไพ่ที่อยู่ในมือ
- Image : ภาพลักษณ์หรือบุคลิกที่แสดงออกมา
- Kicker : ไพ่ที่สูงที่สุดและไม่ได้อยู่ในชุดไพ่ เช่น ผู้เล่นสองคนได้ไพ่ Suite เดียวกัน จะใช้ไพ่ที่เหลืออยู่เป็น Kicker เพื่อหาผู้ชนะ
- Late Position : ตำแหน่งผู้เล่นอันดับท้าย ๆ ในแต่ละรอบ จะถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีในการเล่น
- Loose : การเลือกไพ่เข้าไปเล่นมากกว่าปกติ
- Odds : ความน่าจะเป็นที่จะทำให้ได้ไพ่ที่แข็งแกร่งต่อความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่อ่อน
- Outs : จำนวนไพ่ที่เหลืออยู่ในกองที่จะส่งผลให้ผู้เล่นพัฒนาเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งได้
- Pot : จำนวนชิพกองกลางที่เป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะ
- Raise : การวางเงินเดิมพันที่มากกว่าเดิมพันของผู้เล่นคนก่อนหน้า หรือที่เรียกกันว่า “เกทับ”
- Side Pot : เป็นชิพกองกลางที่ถูกแยกไว้ต่างหาก จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้เล่น All-in เข้ามาแล้วมีคนเดิมพันเข้ามามากกว่าจำนวนที่ All-in
- Suit : ไพ่ที่มีดอกเดียวกัน
- Wet Board : ใช้เรียกไพ่บนบอร์ที่มีความน่าจะเป็นหรือพัฒนาให้มีความแข็งแกร่งได้อีก
ประเภทการเล่นโป๊กเกอร์
เนื่องจากโป๊กเกอร์เป็นเกมเดิมพันที่ได้รับความนิยมและมีการพัฒนาต่อยอดไปเยอะมากมายหลายประเภท แต่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็มี
-
No limit / Fixed Limit
ในการเล่นโป๊กเกอร์แบบ No limit ผู้เล่นสามารถเพิ่มเงินเดิมพันได้เต็มที่ ไม่มีขีดจำกัด ต่างจากการเล่นแบบ Fixed Limit ที่จำกัดเดิมพันสูงสุดที่สามารถวางเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามผู้เล่นจะไม่สามารถออกไปแลกชิพเพิ่มได้ระหว่างเล่น ดังนั้นการบริหารเงินทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะถ้าเราได้มือดี ๆ แต่มีชิพไม่พอเล่นอาจจะงานเข้าเอาได้ หรือต่อให้ชนะก็ทำกำไรได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ถ้าเล่นแบบดุดัน ต่อให้ขนชิพเข้าไปมากก็อาจทำเสียมากได้เช่นกัน ดังนั้นควรจะแลกชิพไปให้เหมาะกับ Blind ของโต๊ะนั้น ๆ เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-
Cash Game / Tournament
การเล่น Cash game ผู้เล่นจะวางเดิมพันด้วยชิพเสมือนกับเงินจริง ๆ ข้อดีก็คือสามารถลุกเข้าออกโต๊ะได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเครียดหรือเงินหมดก็ไม่ใช่ปัญหา เล่นจบเกมก็ได้เงินทันที ก็ถือว่าเป็นข้อดีและจุดเด่นที่สำคัญในการเล่น
ส่วน Tournament จะเป็นแบบการแข่งขันแบบจัดอันดับเข้ารอบไปเรื่อย ๆ ใครที่แพ้ก็จะถูกคัดออก ผู้ชนะในแต่ละอันดับก็จะได้รับเงินรางวัลที่แตกต่างกันไป ในการเล่นผู้เล่นจะต้องทำการสมัครเป็นรอบ และชิพเริ่มต้นที่ได้รับก็จะไม่ใช่ชิพมูลค่าของเงินจริง เช่น ค่าสมัคร 10 ชิพ จะได้รับ 5,000 ชิพ เป็นต้น
มือใหม่ควรเล่น Cash Game หรือ Tournament ดี
แม้ว่าการเล่นแบบ Tournament จะให้เงินรางวัลเยอะกว่าและมีโอกาสได้รับเงินรางวัลมากกว่าเนื่องจากมีการแบ่งเงินรางวัลให้ผู้ชนะแบบแบ่งอันดับ แต่กว่าจะได้รับเงินรางวัลก็เป็นรอบการแข่งขันในช่วงท้าย ๆ ซึ่งการฝ่าฟันกันไปในแต่ละรอบถือว่าเป็นงานหนักมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะรู้จักโป๊กเกอร์
ดังนั้น Cash Game จึงเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดีสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีช่วงเกมที่สั้นกว่า ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมาย แรงกดดันน้อยกว่า ถือว่าเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่สำคัญคือจบเกมก็ได้เงินเลย ไม่ต้องไปรอลุ้นรอบท้าย ๆ เหมือนกับ Tournament
3 รูปแบบโป๊กเกอร์ยอดนิยม
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าโป๊กเกอร์เป็นเกมเดิมพันที่มีการพัฒนาต่อยอดไปเยอะมาก มีโป๊กเกอร์ให้เลือกเล่นกันหลายรูปแบบ ใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่นโป๊กเกอร์แบบไหนดี แนะนำว่าลองเริ่มศึกษาแล้วเริ่มเล่นกับโป๊กเกอร์ 3 รูปแบบนี้ก่อนเลย
-
Texas Hold’em
เรียกได้ว่าเป็นโป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยกติกาการเป็นผู้ชนะที่แสนง่ายเพียงแค่รวมไพ่ 2 ใบที่มีอยู่ในมือเข้ากับไพ่อีก 5 ใบที่หงายอยู่บนบอร์ด เพื่อให้ได้ไพ่ 5 ใบที่ดีที่สุดเท่านั้น
เริ่มต้นการเล่น Texas Hold’em ผู้เล่นจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบ จากนั้นจะเริ่มต้นเล่นจากตำแหน่ง Big Blinds และ Small Blinds แล้ววนมาตามเข็มนาฬิกา โดยผู้เล่นแต่ละคนจะต้องตัดสินใจว่าจะ Call, Raise หรือ Fold เมื่อจบรอบ Pre-Flop จะทำการเปิดไพ่กองกลาง 3 ใบ และเริ่มเล่นรอบ Flop ด้วยวิธีเดียวกัน แล้วจะทำการเปิดไพ่กองกลางเพิ่มอีก 1 ใบเพื่อเล่นรอบ Turn หากยังไม่มีผู้ชนะก็จะเปิดอีก 1 ใบเพื่อเล่นในรอบ River ซึ่งผู้ชนะจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเหลือผู้เล่นเพียงแค่คนเดียว หรือมีไพ่ที่ดีที่สุดเท่านั้น
แม้ว่า Texas Hold’em จะมีข้อดีตรงที่เรียนรู้ง่ายเพราะเป็นที่นิยมและมีแหล่งเรียนรู้เยอะ แต่ในข้อดีนี้ก็สร้างความลำบากให้กับมือใหม่พอสมควร เนื่องจากเป็นเกมที่เล่นกันมานานกว่า 15 ปี ทำให้ยากที่จะไปสู้กับคนที่เล่นมาก่อนด้วยเช่นกัน
-
Pot Limit Omaha
อีกหนึ่งเกมโป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ Texas Hold’em ด้วยรูปแบบกติกาที่คล้ายคลึงกันตรงที่ผู้เล่นจะต้องรวบรวมไพ่ในมือ 2 ใบ เข้ากับไพ่บนบอร์ดอีก 5 ใบเพื่อให้ได้ไพ่ 5 ใบที่ดีที่สุด แต่จะแตกต่างกันก็ตรงที่ Pot Limit Omaha ผู้เล่นจะได้ไพ่ 4 ใบ และสามารถเดิมพันได้ไม่เกินมูลค่าของ Pot
ด้วยรูปแบบกติกาที่เปลี่ยนไปทำให้ Pot Limit Omaha เป็นเกมที่มีโอกาสได้ไพ่แข็งแกร่งมากกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือต้องใช้ความน่าจะเป็นเข้ามาช่วย เพราะเป็นเกมที่มีความแปรปรวนสูง มีโอกาสที่จะต้องเจอกับผู้เล่นที่มีไพ่แข็งเหมือนกัน ผู้เล่นมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสนใจที่จะเล่นเกมนี้มากนัก
-
Short Deck
หนึ่งในเกมโป๊กเกอร์ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแต่ความสนุกบอกเลยว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว กติกาการเล่นยังคงเป็นแบบเดียวกับ Texas Hold’em จะต่างกันก็แค่ไม่มี Blinds และไพ่ 2-5 จะถูกเอาออกจากสำรับ ส่วนการเล่นก็จะเริ่มต้นที่ Dealer เลยทำให้ Short Deck เป็นเกมที่ทำให้มีโอกาสได้ไพ่ดี ๆ ที่สูงกว่าเกมอื่น แต่กลยุทธ์จากเกมรูปแบบอื่นจะไม่สามารถนำมาใช้ในเกมนี้ได้ เนื่องจากมีวิธีการเล่นที่แตกต่างกันและมีความแปรปรวนสูงอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพื้นฐานที่นักเล่นโป๊กเกอร์มือใหม่ควรรู้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ ประเภทเกม หรือรูปแบบเกม แม้ว่าจะดูไม่ยากเกินไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะง่ายถึงขั้นอ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย เพราะเกมนี้จำเป็นต้องฝึกเล่นบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญ ซึ่งเดี๋ยวนี้เขามีโปรแกรมฝึกเล่นกันแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสียทองไปลองวิชาเหมือนเมื่อก่อนกันอีกแล้ว